วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วันสบายๆ กับ LR 4.1 ทำมันมันช้าลง*-*

เป็นอีกวันที่ท้องฟ้ามีเมฆมากไม่เหมาะที่จะออกไปไหน ประกอบกับการได้รับ Core i7 3770K มาใหม่ เราเลยไม่รอช้าที่จะทำการทดสอบว่าจะมีผลต่อความแรงของ LR 4.1 มามายแค่ไหน แน่นอน ที่เหลือใช้อุปกรณ์ชุดเดียวกันทั้งหมด

Phenom II X4  B45 (เปิดหัวมาเป็นแน้แท้) @3.2GHz ไกลกว่านี้อาจมีคิดมากกันได้
Core i7 3770K @3.5GHz เปิด Tobro ไว้ตามเสปคที่ทำได้
DDR3 16GB HD5770 1GB DDR5 AMD Driver 12.6

ทั้งสองตัวปรับไฟเลี้ยง CPU ซึ่งอาจทำให้มีผลต่อการทดสอบเล็กน้อย แต่เชื่อว่าหลายๆคนอยากทำงานแล้วไม่ต้องมานั้นคิดมากกับค่าไฟที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนใช่ไหมละ...

ว่าแล้วก็ไปทดสอบแบบ บ้านๆกันเลย เริ่มจากการ zoom แล้วก็แพนไปตามส่วนต่างๆของภาพ

Phenom II กระตุกกว่าอย่างชัดเจนเลย ต่างจากสมัยที่ใช้ LR3.6 มาก(ลืนกว่าเยอะ) ส่วน i7 3770K นั้นบอกได้เลยว่าลืนสบายๆชิวๆ

การทดสอบนี้สรุปได้ว่า ตัว Photoshop Lightroom นั้นไม่รองรับ GL หรือ CL หรือเปล่า แต่เป็นที่น่า

***แปลกใจว่าใน Mac OS version นั้นลืนกว่า อาจเป็นเพราะการเขียนโค๊คที่จำเป้นต้องใช้ GL เพราะใน mac เองไม่มี DirectX ก็เป็นได้


กลับมาคิดอีกทีแล้ว LR3.6 ทำไมเร็วกว่าละ ทั้งนี้เพราะ ว่า code ในการแยกระบบสีและคุณภาพของการ Process นั้น 2012 ทำได้ละเอียดกว่า และต้องใช้ทรัพยากรที่สูงกว่า แต่ 2010 ในรุ่น 3.6 นั้นใช้ทรัพยากรน้อยกว่า อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง

ในส่วนของการ render เพื่อ exprot ภาพหลังการ process ออกมา พบกว่า i7 3770k ทำได้เร็วกว่า ไม่ว่าจะเป็น LR3.6 4.1 ซึ่งก็น่าจะต้องเป้นอย่างนั้นเพราะ CPU ตัวละ 3500 กับ 10900 มันก็ควรจะต้องคุ้มค่าที่จะอัพไปแน่นอน 555*-*

สำหรับวันสบายๆแบบนี้จบแค่นี้ก่อน ว่างๆเราจะมาหาวิธีแก้ LR 4.1 ช้าได้ใจ ว่าจะทำไงได้มั้ง

วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ความหวังเล็กๆใน ตัวของ LR4.1

หลังจากที่รู้สึกว่าตัวเองนั้นชอบในการ process ของ LR4 ไปไม่น้อย รู้สึกว่ามันปรับงานกว่า LR3 มากพอสมควร เวลาสองปีที่ผ่านไป รู้สึกว่า adobe เข้าใจเรามากกว่าเดิม อย่างน้อยๆเราก็ปรับได้อย่างสบายใจขึ้น

หลายๆคนยังไม่กล้าที่จะก้าวมายัง LR4 ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่า มันไม่เป็นการเสียหายอะไรหาท่านใช้ Windows 7 64bit และมี RAM มากกว่า 4 GB ท่านจะได้สำผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆมากกว่าที่ท่านเคยได้รับแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการปริ้นหนังสือท่านปริ้นจาก LR4 ได้แต่ควรทำการศึกษาให้ดีซะก่อนนะครับ

แต่หลายๆคนอาจรู้จักและทำงานร่วมกับ LR4 กันแล้วไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ตอนนี้ Adobe ได้พัฒนาไปมากกว่าเดิมอีกนิด ตอนนี้ LR4.1 ก็ออกตัวเต็มแล้ว ทาง Adobe เองก็โดนเรื่องความอืดของการทำงานของมันไปไม่น้อย ในรุ่นนี้ Adobe เคลมว่า มันจะเร็วกว่าเดิม ซึ่งใน Develop Mode ผมไม่ได้รู้สึกถึงความแตกต่างจาก LR4 เลยแม้แต่น้อย อาการกระตุกยังมีให้เห็น (กระตุกมาตั้งแต่ LR4 Bate) แต่ความเร็วในการ render ผมสัมผัสได้แม้จะไม่มากมายอะไรก็ตามแต่ก็ยังดี

เราลองมาดูว่า Adobe บอกอะไรเราไว้บ้างในการพัฒนาครั้งนีั้

  • The ability to process HDR TIFF files.  (16, 24 or 32-bit TIFF files)  This can be useful if you have merged multiple exposures into a single 32-bit image using Photoshop’s HDR Pro.  Using the new basic panel controls can be a very effective and straightforward method of achieving an overall balance across the tonal range.
  • Additional Color Fringing corrections to help address chromatic aberration.  Click here to learn more
  • Save photobooks created in the Book Module as JPEG files
  • Publishing photos to Adobe Revel is now accessible via a Publish plugin

Bugs Corrected in Lightroom 4.1

The following bugs that were part the Lightroom 4 releases have been corrected. The team appreciates the very detailed feedback the community has provided on Lightroom 4 and we’re excited to correct a number of issues experienced by our customers. These issues have been FIXED:
  • Point Curve adjustments made in Lightroom 3 have been restored.
  • Edit-in functionality has been restored to external applications including Adobe Photoshop and Nik plugins
  • Addressed performance issues in Lightroom 4, particularly when loading GPS track logs, using a secondary monitor, and the controls within the Develop module.
  • Ability to update DNG previews and metadata for more than 100 photos has been restored.
  • This update allows for improved viewing of subfolders and stacks in folders with a large number of photos.
  • It was possible that a layout of a saved book could be lost after quitting Lightroom 4.
  • Adjustments made in the Develop module were not properly being reflected to photos that have been laid out in the Book Module
  • Postscript Type 1 Fonts do not appear in the Font menu within the Book module.
  • Clarity adds grey tinting to 100% white tones.

Known Issues in Lightroom 4.1:

  • Double byte fonts such as those found in Chinese and Japanese characters are not being exported to PDF or when published to Blurb.
  • The Revel Publish Service will delete photos from a carousel. This occurs when the customer asks Lightroom to delete the carousel and then cancels out of the confirmation dialogue box.

New Camera Support in Lightroom 4.1

  • Canon EOS 1D X
  • Canon EOS 5D Mark III
  • Canon EOS 60Da
  • Canon PowerShot G1 X
  • Fuji FinePix F505EXR
  • Fuji FinePix F605EXR
  • Fuji FinePix F770EXR
  • Fuji FinePix F775EXR
  • Fuji FinePix HS30EXR
  • Fuji FinePix HS33EXR
  • Fuji X-Pro1
  • Leaf Credo 80
  • Leica M Monochrom
  • Leica X2
  • Nikon D4
  • Nikon D800
  • Nikon D800E
  • Olympus OM-D E-M5
  • Panasonic Lumix DMC-GF5
  • Pentax K-01
  • RICOH LENS A16 24-85mm F3.5-5.5
  • Samsung NX20
  • Samsung NX210
  • Samsung NX1000
  • Sony Alpha NEX-F3
  • Sony Alpha NEX-VG20
  • Sony Alpha SLT-A37
  • Sony Alpha SLT-A57

New Lens Profile Support in Lightroom 4.1

Lens Mount Lens Name
Canon Canon EF 35mm f/2
Canon Sigma APO 50-150mm F2.8 EX DC OS HSM
Canon Tokina AT-X 107 AF DX Fish-Eye 10-17mm f/3.5-4.5
Canon Tokina AT-X PRO FX 16-28mm f/2.8
Canon Tokina AT-X PRO FX 17-35mm f/4
Leica LEICA APO-SUMMICRON-M 50 mm f/2 ASPH.
Nikon Nikon AF-S Micro NIKKOR 60mm f/2.8G ED
Nikon Nikon AF Micro-NIKKOR 60mm f/2.8D
Nikon Nikon AF-S NIKKOR 28mm f/1.8G
Nikon Tokina AT-X 107 AF DX Fish-Eye 10-17mm f/3.5-4.5
Nikon Tokina AT-X PRO FX 16-28mm f/2.8
Nikon Tokina AT-X PRO FX 17-35mm f/4
Nikon Sigma APO 50-150mm F2.8 EX DC OS HSM
Nikon Sigma 85mm F1.4 EX DG HSM
Olympus Sigma 19mm F2.8 EX DN
Olympus Sigma 30mm F2.8 EX DN
Pentax Sigma 18-200mm F3.5-6.3 II DC OS HSM
Pentax Sigma 17-50mm EX DC HSM
Sigma Sigma APO 50-150mm F2.8 EX DC OS HSM
Sony Sigma 12-24mm F4.5-5.6 DG HSM II
Sony Sigma 18-200mm F3.5-6.3 II DC OS HSM
Sony Sigma 19mm F2.8 EX DN
Sony Sigma 30mm F2.8 EX DN
Sony Sigma 150mm F2.8 EX DG OS HSM APO Macro

Thank You

A big thanks to everyone who submitted bug reports, posted entries in the U2U forums and blogged their issues so that we could improve the Lightroom 4 experience in this update. Thank you.
Download Lightroom 4.1 here – Windows, Mac

ยังไงท่านที่ใช้ของแท้อยู่สามารถอัพเกรดได้เลยจาก ตัว LR เองนะครับ

วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Auto WB ผิดไหมหวังผลได้แค่ไหน

ขอพูดแบบรวมๆนะครับ สำหรับผมเองก็ไม่ได้มีความรู้มากมายอะไรบทความนี้ ได้อ่านจากผู้ที่ชำนวญการท่านหนึ่ง เห็นว่าเหมาะแก่การกระจายต่อไป เลยเอามาฝากกันนะครับ


Auto White Balance

.
เป็น การปรับเลือกแบบอัตโนมัติโดยกล้องจะมีระบบวิเคราะห์จากโทนสีโดยรวมของภาพ เพื่อทำการตั้งค่าแสงให้อัตโนมัติเพื่อความสะดวกในการใช้งาน ระบบนี้จะใช้งานง่ายไม่ต้องเสียเวลาในการเลือกปรับเปลี่ยนบ่อยๆ แต่เนื่องจากการวิเคราะห์ค่าแสงเป็นสิ่งที่มีการเตรียมข้อมูลไว้ล่วงหน้าตาม เกณฑ์กว้างๆ ดังนั้นหากภาพที่เราต้องการบันทึกมีโทนสีโดยรวมอมไปทางใดทางหนึ่งเช่นภาพของ ป่าไม้ ทุ่งหญ้า สระว่ายน้ำ หรือแม้กระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก ก็อาจทำให้การวิเคราะห์ผิดเพี้ยนไปได้ การตั้งค่า White Balance แบบอัตโนมัติจะให้ผลค่อนข้างดีหากเป็นการถ่ายกลางแจ้ง หรือในร่ม แต่จะไม่ค่อยดีนักหากเป็นการถ่ายภายใต้แสงไฟนีออนหรือไฟหลอดไส้ (สำหรับกล้องบางรุ่น)
.

Daylight, Sunny หรือภาพพระอาทิตย์

.
เป็น การปรับสมดุลย์สีของแสงสำหรับการถ่ายภาพกลางแจ้ง หรือในเวลาที่มีแดดจ้า สภาพแสงจะใกล้เคียงกับสีขาวมากที่สุด โดยที่อุณหภูมิสีของแสงในการตั้งค่าล่วงหน้าของกล้องจะอยู่ที่ประมาณ 5000 - 6000 องศาเคลวิน การเลือกในลักษณะนี้จะใกล้เคียงกับภาพที่ได้เมื่อบันทึกด้วยฟิล์ม
.

Shade, Cloudy หรือภาพก้อนเมฆ

.
เป็น การปรับสมดุลย์สีของแสงสำหรับการถ่ายภาพกลางแจ้งแต่สภาพท้องฟ้าค่อนข้าง ครึ้ม ไม่มีแดดหรือมีเมฆมาก เพื่อลดโทนสีน้ำเงินออกจากภาพไปบ้าง โดยทั่วไปจะทำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ค่อยเห็นผลแตกต่างจากการเลือกปรับแบบ daylight หรือ auto เท่าไรนัก สำหรับกล้องคอมแพคส่วนใหญ่แล้วการถ่ายภาพในร่ม shade หรือ เมฆมาก cloudy จะ
อยู่ ด้วยกัน แต่สำหรับกล้องระดับสูงหน่อย อาจมีแยกให้เลือก ซึ่งในกรณีนี้ค่าของ shade จะใช้ถ่ายภาพในกรณีที่มีความครึ้มโดยรวมมากกว่า (อุณหภูมิสีของแสงสูงกว่า cloudy) เมื่อเลือกที่ shade ค่าของสีน้ำเงินจะถูกตัดทอนให้ลดลงมากกว่า cloudy
Incandescent, Tungsten, หรือภาพไฟหลอดไส้
เป็น การปรับสมดุลย์สีของแสงสำหรับการถ่ายภาพภายใต้แหล่งกำเนิดแสงที่มีสีอมส้ม เหลืองมาก เพื่อลดโทนสีส้ม-เหลืองออกไป แต่หากใช้ผิดพลาดภาพจะออกมาอมน้ำเงินดูหลอกตาที่สุด การเลือกใช้จึงควรระวัง เพราะในบางกรณีที่สภาพแหล่งกำเนิดแสงไม่ได้เพี้ยนมากนัก การเลือกใช้ white balance ตัวอื่นอาจให้ค่าที่เหมาะสมกว่า
.

Fluorescent หรือภาพไฟนีออน

.
เป็น การปรับสมดุลย์สีของแสงสำหรับการถ่ายภาพภายใต้แสงไฟนีออน ซึ่งจะให้สีอมเขียว จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับประเภทหลอดด้วย หลอด fluorescent ไม่มีอุณหภูมิสีที่แน่นอน ดังนั้นการตั้งค่าจึงออกจะเป็นกลางๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเภทของหลอดไฟเองก็มีหลายแบบ ทั้ง Warm White, Daylight, Cool White ซึ่งบางครั้งการเลือกตั้งค่าก็ค่อนข้างสับสน ทางที่ดีควรดูก่อนว่าตัวไหนให้เฉดสีที่ใกล้เคียงธรรมชาติที่สุด กล้องดิจิตอลบางรุ่นจะแยกประเภทหลอดไฟนีออนมาให้เลือกได้อีก จึงควรทำความเข้าใจก่อนว่าหลอดไหนสำหรับโทนสีอะไร เพื่อกันความผิดพลาด แต่ข้อดีของกล้องดิจิตอลคือการมองเห็นภาพทันทีดังนั้นหากตั้งค่าผิดคงไม่ยาก เกินไปที่จะแก้ไข หรือในกล้องบางรุ่นมีระบบถ่ายภาพ white balance คร่อมไว้ได้ก็ยิ่งมีประโยชน์
.

Custom White Balance

.
เป็น การปรับสมดุลย์สีของแสงตามสภาพแสงที่ถ่ายจริงขณะบันทึกภาพ ซึ่งผู้ใช้จะต้องกำหนดเองโดยมีความรู้เรื่องของอุณหภูมิสีของแสงมากพอควร หากทำได้ถูกต้องก็จะให้ผลค่อนข้างแม่นยำ แต่หากผิดแล้วสีอาจเพี้ยนไปได้มาก หลักสำคัญคือเวลาตั้งค่าต้องทำภายใต้แสงที่จะถ่ายจริงคือวัดแสงจากตรง ตำแหน่งที่จะถ่ายเป็นหลัก การตั้งค่าค่อนข้างจะเหมือนกันคือให้ถ่ายภาพกระดาษสีขาวโดยซูมให้เต็มเฟรม ภาพ ที่สำคัญคือตำแหน่งของกระดาษจะต้องอยู่ที่ตำแหน่งของการถ่ายภาพจริงๆเท่า นั้น ในขณะที่กล้องบางรุ่นจะมีการปรับค่า white balance เป็นองศาเคลวินมาให้ผู้ใช้เลือกเอง ซึ่งในส่วนนี้ผู้ใช้คงต้องแม่นกับอุณหภูมิสีของแสงพอสมควร หรืออาจใช้เป็นลูกเล่นในการแต่งสีภาพเหมือนกับการใช้ฟิลเตอร์เติมสีสันให้ กับภาพก็สามารถทำได้

เรื่อง white balance ที่ไม่ควรมองข้ามไป

หลายๆคนอาจรู้จักกับ WB หรือ white balance แต่ผมเชื่อว่าหลายๆคนยังไม่รู้หรอกว่ามันอยู่ส่วนไหนของกล้องของเรา หรือบางคนอาจรู้แล้วแต่ ตั้ง auto ไว้ อันนี้ก็ไม่ผิดแต่เราลองไปดูกันหน่อยไหมว่ามันช่วยอะไรกับภาพเราได้บ้าง

หากหลายๆคนใช้เลนส์นอกค่ายอย่าง sigma เอง ก็บอกว่าอมส้ม อมเหลืองบ้าง หรือ temme เอง ก็อมชมภูหวานเกินไป บ้าง ทั้งหมดนี้เกิดจาก WB ทั้งสิ้น (ถ้าไม่ทั้งหมดก็ เกือบๆทั้งหมดนั้นละ)

ภาพนี้แสดงให้เห็นถึง WB เป็นห่วย Kelvin กล้อง พวก canon 3 หลักไม่สามารถปรับได้ละเอียดเป็น K ได้นะครับ และ Nikon 3xxx 5xxx ก็เช่นกัน จะมีให้ปรับได้ใน พวกกึ่งโปรเท่านั้น แต่เราก็ยังพอปรับ wb หลักๆที่เขากำหนดมาให้ได้นะครับ ไม่ต้องน้อยใจไป












ในภาพถ่ายที่มีสีอมฟ้า อมส้ม นั่นเป็นเพราะแหล่งกำเนิดแสงแบบต่างๆที่ให้ค่าอุณหภูมิสีที่แตกต่างกัน หรือแม้กระทั่งแสงจากดวงอาทิตย์ ก็มีอุณหภูมิสีที่แปรค่าไปตามแต่ละช่วงเวลาเช่นกัน ดังนั้นเราจะเห็นว่าแสงตอนกลางวันในวันที่ไม่มีเมฆจะเป็นสีขาว(เรียกว่าแสง Daylight) ส่วนเวลาเย็นๆแสงจะเป็นโทนอุ่นๆมีสีอมเหลืองหรือส้ม ส่วนในที่ร่มครึ้มหรือวันที่มีเมฆมากๆจะเป็นโทนเย็นหรือเป็นสีอมฟ้า ตาของคนเรามีความสามารถพิเศษในการมองวัตถุสีขาวให้เป็นสีขาวได้ภายใต้สภาพ แสงต่างๆ ซึ่งในระบบกล้องถ่ายภาพก็มีระบบปรับสมดุลแสงสีขาว White Balance เพื่อทีจะทำให้วัตถุสีขาวยังคงมีสีขาวในสภาพแสงต่างๆ เช่นเดียวกับที่ตาคนเราทำได้ แต่ระบบ Auto White Balance มันก็จะมีลิมิตอยู่ในช่วงอุณหภูมิแสงช่วงหนึ่งที่มันทำงานได้ดี
 ตัวอย่างภาพที่ได้จากการย้อมสี wb ให้ได้ตาม wb ที่ต้องการหลังจากการถ่ายแล้ว 

Note: ภาพถ่ายโทนเย็น และ ภาพถ่ายโทนอุ่น ที่ผิดเพี้ยนจากสภาพแสงจริงอาจนำมาใช้เพื่อสร้างอารมณ์ให้กับภาพถ่ายได้ ภาพโทนเย็นทำให้รู้สึกสงบและผ่อนคลาย ในขณะที่ภาพโทนอุ่นๆจะกระตุ้นให้ดูน่าสนใจและปลุกเร้าอารมณ์ได้



ฉบับเต็มจาก
http://rpst.mobi/phpbb3/viewtopic.php?t=2213

วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ข้อดีของ PS6 ที่คนปริ้นงานบ่อยๆต้องเจอ

ตัวอย่าง ภาพของของหน้าปริ้น PS6
หลายๆคนอาจเคยปริ้นแล้วตกขอบบ้าง ไม่รู้ว่าจะเหลือขนาดขอบมากหรือน้อยหรือไม่ก็กินขอบไปบ้าง แต่ Photoshop CS6 ช่วยท่านได้แล้วตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปกับหน้าการจะกันปริ้นแบบใหม่

1.จะเห็นว่ามีขอบแสดงว่าตรงนั้นไม่สามารถปริ้นได้นะ เจ๋งดีนะผมว่า
2. เวลาเราสั่งปริ้นจะมีการยืนยัน หลายๆคนบอกว่าเสียเวลาแต่ผมว่าชัวร์ดี
3. Color Management แบบใหม่ล่าสุด ยกเครื่องพร้อมๆกับ Lightroom4 นั้นละ ผมรู้สึกว่าปริ้นได้สว่างกว่าเคย สำหรับโทนมืดๆ
4. การตั้งค่าที่มีให้อย่างละเอียด ความผิดพลาดย่อลดลง เพราะ Auto ก็เก่งมากเหมือนกัน

สำหรับท่านไหนที่ไม่ได้ทดสอบ CS6 ผมแนะนำว่าท่านจะไม่ผิดหวัง ตอนนี้ Adobe Thailand ก็มีจำหนายแล้วนะครับ ท่านไหนที่ใช้ 5.1 ก็สามารถอัพเกรดได้ ฟรีหรือไม่ผมไม่แน่ใจ

ไว้โอกาศหน้าว่างๆจะแวะมาลงรายละเอียดกันนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

LR4 ว่าด้วย Develop Panal ใหม่

ก่อนอื่นเลย เรามาพูดถึงข้อมูลทางเทคนิคก่อน ว่ามีอะไรที่เพิ่มมาบ้าง
1. Process system 2012 ใหม่หมดจด ประมวลผลได้ดีกว่าเดิม
2. Camera RAW ใหม่ล่าสุด 7.x (7.0 for LR4 and 7.1 for LR4.1)
3. ส่วนของการทำ Photobook ทำให้เราทำงานได้ง่ายดายกว่าที่เคยเป็นมา
4. Video ปาดตัดต่อ Video ได้ด้วย และสามารถใช้ Preset ได้ด้วยนะ มันเจ๋งมาก
5. อันนี้ไม่ใช่อะไร คือผมว่ามันอืดกว่าเดิม เวลา zoom 100% เหมือนประมวลผลไม่ทัน
6. ใช้พื้นที่มากกว่าที่เคยมา
7. อันนี้น่าจะเห็นได้ชัด คือ การแบ่งกลุ่มของ Preset ง่ายต่อการค้นหาสำหรับคนที่มี 600-700 Preset หาเจอได้สบาย ผมรับรอง
8. ความเร็วในการ Render or Export เร็วมากกว่า LR3 แน่นอนถึงแม้ว่าจะทำงานช้าเวลาแต่งภาพก็ตาม
9. ความเป็นมิตรกับผู้ใช้ และเชื่อมโยงโปรแกรงอื่นๆได้มากกว่าเดิม
ภาพประกอบ หน้าต่างโปรแกรม LR4.1


ในส่วนของ Develop ก็ได้มีการประปรุ่งใหม่หมดจด เรียกได้ว่ารีดพลังของไฟร์ได้เต็มความสามารถกว่าเดิม
แต่ผมมีข้อแม้นะครับว่า เราต้องเข้าใจการทำงานของ Curve ให้ดีนะครับ
สิ่งแรกเลย ที่เราจะได้เห้นใน LR4 ก็คือ Process System ที่ใช้ รูปแบบ 2012 ซึ่ง LR3 จะใช้ 2010
แล้วมันต่างกันอย่างไรละครับ นั้นซิ..
แล้ว เราจะปรับอย่างไรได้บ้างเดียวแสดงให้ชมในบทความหน้านะครับ

วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2555

เปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการกับ CS6

หลังจากที่ปีก่อนโน้นผมนึกว่า CS ตัวต่อจาก CS5 จะเป็น CS6 แต่ทาง Adobe ได้ส่ง CS5.5 มาแทน ซึ่งเป็น เหมือนกับ Service pack มากกว่า(ในความคิดผมนะ) เพราะได้ทำการอัพเดดในส่วนของความเร็วในการทำงานด้าน 64Bit ไปซะเยอะ วันนี้ ทาง Adobe ได้เปิดตัวอย่างลับๆแล้วกับ Adobe CS6 ซึ่งผมแนบ link ไว้ว่ามันมีการพัฒนาการไปมากน้อยเพียงใด คุ้มค่าหรือไม่ที่จะก้าวไปด้วยกันกบ adobe ในครั้งนี้

สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม

จาก Link จะเห้นได้ว่า

Adobe Prelude เป็นโปรแกรมใหม่(สาย Encore) 

แน่นอนทำ DVD Menu ได้สะหนุกกว่าเดิม จริงๆยุกนี้น่าจะ HD ละ ทาง Adobe ก็มี Preset ให้อย่างครอบคลุมมากกว่ารุ่นก่อน และทำงานได้สนุก และง่ายกว่าเดิมมาก


สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าจะคุ้มไหม ลอง Photoshop CS6 Bata ได้จากตรงนี้
Photoshop CS6 Bata

 โปรดสนับสนุนของแท้และแน่นอน น่าจะมี รุ่นรายเดือนเหมือนเดิม เช่าใช้ทำงานได้ อิอิ

วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

รีวิว New Function Lightroom 4 เตรียมพบกันที่นี้...

เตรียมพบกับการทดสอบ Lightroom 4 ตัวล่าสุดว่ามันต่างกับ Lightroom 3 ยังไงแบบ ชาวบ้านเข้าใจง่ายๆเร็วๆนี้

ในรุ่นนี้ Adobe เปลี่ยนอะไรไปหลายๆอย่างและเพิ่มอะไรไปอีกหลายๆอย่างเช่นกัน
- ในโหมด Shadows ก็ถูกเปลี่ยนเป็น Recover แทน เพราะความครอบคลุมและ การตอบสนองที่มากกว่าเดิม ทั้งนี้ Adobe ได้เพิ่ม Light และ Dark ให้ด้วย ปรับภาพ เพิ่มแสง ลดเงาได้สบายๆกันเลย งานนี้
- จัดการ Video และ Photobook แน่นอนใน Lightroom 3 มีแค่เพียง Slideshow เท่านั้นที่สามารถเอาไปพรีเซนได้แบบสนุกๆ แต่ก็ยังเพิ่มเสียงเพลงได้ยากเย็น LR4 ทำได้ง่ายมากๆเลย (รอดูแบบลงลึกอีกในอนาคต หากมีโอกาส)
- อื่นๆอีกมากมายที่คุณจะได้เจออะไรที่คาดไม่ถึงใน LR4

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

Guide: หลักการถ่ายภาพสัตว์ ง่ายๆ

หลายๆคนคงคงแอบชอบในการถ่าย portrait บุคคลไม่น้อย แต่บางคนอาจคิดว่า ถ่ายบุคคนนั้นยังไม่ท้าทายพอ สำหรับวันนี้จะนำเสนอหลักในการถ่าย ภาพสัตว์ง่ายๆ ตามที่ผมใช่ในการถ่าย ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรเลย


อุปกรณ์ที่ควรจะมี
แมวกำลังกินน้ำ ภาพนี้สือให้เห้นแมวได้อย่างชัดเจน
เพราะแมวเองเป็นสัวต์มีมีความระวังตัวและความเร็วสูง
- กล้องถ่ายภาพ แบบไหนก็ได้แต่มือถือคงยากนิดหน่อย
- หากเป้น SLR ขอเลนส์ยาวๆ เอาซัก 70mm ขึ้นไป
- ความอดทน(อันนี้ไม่ใช่ อุปกรณ์นะครับ)

หลักการถ่ายสัตว์ก็ไม่มีอะไรมากมาย
1. คิดไว้เสมอว่า ถ่ายให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด หลายคนอาจถามขึ้นมาว่าทำไงให้เป็นธรรมชาติ ส่วนผมผมแล้วหมายถึงว่า พยายามอย่าให้เห็นลูกกรงหรือ โซ้ที่ล้ามไว้เด็จขาด ถ้าเลือกไม่ได้จริงๆ อย่างถ่ายภาพสัตว์ในสวนสัตว์ก็ให้ใช่วิธีละลาย สิ่งเหล่านั้นทิ้งซะ(หลายๆคนคงรู้ว่าทำไงอยู่แล้วนะครับ)

2. ภาพนั้นต้องมีความหมาย จริงๆแล้วอันนี้ทุกๆภาพก็น่าจะมีความหมายในตัวของมันทั้งหมดละ โดยเฉพาะสิ่งมีชิวิต อย่างเช่นหากคุณถ่ายภาพควายนอนอยู่ในบวกโคลน มันก็ควรจะสื่อได้ชัดเจน ว่ามันกำลังทำสิ่งนั้น อย่างสงบหรือมีความสุขอะไรประมาณนี้, แล้วถ้าหากเป็นพวกสุนัขหรือแมวน้อยๆในบ้านละ ถ้ามันนอนจะให้ความหมายถึงฉันอยากพักผ่อน ง่วงแล้วนะอะไรทำนองนี้ครับ

3. พยายามอย่าให้มีสิ่งแปลกปลอมมากเกินไป บางครั้ง การถ่ายเราซุ่มถ่ายในโพลงหญ้า การมีฉากหน้าที่เบลอออกไปก็อาจเป็นสิ่งที่ดี แต่หากมีมากเกินไปก็คงไม่ดีแน่ๆ เพราะมันจะทำให้ถูกแย้งความสนใจไปจากตัวสัตว์ที่เป็นแบบนั้นเอง

4.ทิศทางของแสงและสีสันของภาพ มีส่วนสำคัญต่ออารมณ์ของภาพเองไม่น้อยเช่นกัน หากต้องการภาพที่เศร้าแล้วคงไม่แนะนำให้ใช่ภาพที่สีสันสดสวยหรอกจริงไหมละครับ บางครั้งเราต้องการสื่อถึงความอบอุ่นก็ควรจะใช้สีที่ร้อนอีกนิด(ปรับ K เอาครับ)

หลักของผมก็มีแค่นี้ละ พวกมืออาชีพอาจมีมากมายกว่านี้ ส่วนเรื่องแสงและการจัดองค์ประกอบไว้เจอกันใหม่ครั้งต่อไปแล้วกันครับ หากต้องการให้เราถ่ายได้ดั่งใจสั่งก็ต้องพยายามและฝึกบ่อยๆนะครับ

สำหรับวันนี้สวัสดีครับ


วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2555

Trip: จูลให้ Windows อ่าน RAW "ไม่ต้องง้อ"

หลายๆคนที่ทำงานด้านการถ่ายภายเป็นงานหลัก หรือไม่ก็ต้องการคุณภาพ ก็มักจะถ่ายภาพมาเป็น RAW บางคนอาจสงสัยว่า RAW คืออะไร มันเป็นการถ่ายภาพแล้วบันทึกโดยไม่ผ่านการ Process ให้ๆให้ไฟร์มีขนาดเล็กลง ดังนั้นจึงสามารถเก็บ Bit และค่าตางๆได้มากว่า JPG เป็นไหนๆ แต่มันก็จะทำให้ไฟร์นั้นมีขนาดใหญ่กว่า JPG และแน่นอน Windows ไม่สามารถอ่าน RAW ได้
****สำหรับ Windows XP\Vista\20003\7 32bit เท่านั้น

การนำไฟร์ RAW ไปใช่ก็ต้องน้ำมา Process เอง หลายๆคนอ่านถึงตรงนี้อาจถามว่า จะทำให้มันมากเรื่องทำไม ถ่ายเป็น JPG ก็ได้ไม่ต้องมานั่งทำให้ปวดหัว (แต่ถ้าทำงานจริงๆต้องการคุณภาพจริงๆ RAW เท่านั้น  อิอิ***) วันนี้ผมจะนำเสนอวิธีการที่แสนง่ายดาย และด้วยขนาดไฟร์ที่เล็กกว่าการนั่งลงโปรแกรมอย่าง Adobe หรือ ACD อีกทั้งยังทำให้การใช้งาน เรียกดูภาพมันทำได้เหมือนไม่ได้ทำอะไรกับตัว Windows เอง

ไม่ให้เสียเวลา เราไปชมกันเลยครับ

ก่อนอื่นเข้าไปโหลด ตาม Link นี้เลย Canon RAW Code
จะมีรายละเอียดรุ่นที่รองรับดังนี้

 1. Supported OSes - Windows 7 32-bit version (64-bit version is not supported.)
- Windows Vista (including SP1/SP2) 32-bit version (64-bit version is not supported.)
- Windows XP SP3 32-bit version
* To use the software with Windows XP SP3, application software that supports WIC (such as Microsoft Windows Live Photo Gallery) will be required.

2. Supported PCs
-PCs with one of the above OSes pre-installed
-CPU: Pentium 1.3 GHz or faster
-RAM: 512 MB or more (Windows XP), 1 GB or more (Windows Vista/Windows 7)
-Display Resolution: 1024 x 768 pixels, High Color [16 bits] or higher

3. Supported Models
EOS Kiss X5 / EOS REBEL T3i / EOS 600D, EOS Kiss X50 / EOS REBEL T3 / EOS 1100D, EOS 60D, EOS-1D Mark IV, EOS Kiss X4/ EOS REBEL T2i/ EOS 550D, EOS 7D, EOS Kiss X3/ EOS REBEL T1i/ EOS 500D, EOS 5D Mark II, EOS 50D, EOS Kiss F/ EOS DIGITAL REBEL XS/ EOS 1000D DIGITAL, EOS Kiss X2/ EOS DIGITAL REBEL XSi/ EOS 450D DIGITAL, EOS-1Ds Mark III, EOS-1Ds Mark II, EOS-1Ds, EOS-1D Mark III, EOS-1D Mark II N, EOS-1D Mark II, EOS-1D, EOS 5D, EOS 40D, EOS 30D, EOS 20Da, EOS 20D, EOS 10D, EOS D60, EOS D30, EOS Kiss Digital X/ EOS DIGITAL REVEL XTi/ EOS 400D DIGITAL, EOS Kiss Digital N/ EOS DIGITAL REBEL XT/ EOS 350D DIGITAL, EOS Kiss Digital/ EOS DIGITAL REBEL/ EOS 300 DIGITAL
PowerShot G12, PowerShot S95, PowerShot G11, PowerShot S90, PowerShot SX1 IS, PowerShot G10, PowerShot G9, PowerShot G6, PowerShot S70, PowerShot S60, PowerShot Pro1, PowerShot G5, PowerShot S50, PowerShot G3, PowerShot S45, PowerShot S40, PowerShot S30, PowerShot G2, PowerShot Pro90 IS, PowerShot G1

4.Setup
ขั้นตอนการติดตั้ง



รอแปบเดียว ก็จะเสร็จ

เสร็จแล้วกด Next ไปต่อได้เลย

ให้ Restart ก็เป็นอันใช้งานได้แล้วครับ ยอดไหมละ ^^
ขอบคุณ Canon ที่มี Code แบบนี้ให้ แม้ว่าจะไม่มีสำหรับ x64 ก็ตามเสียดาย ไว้โอกาศหน้า เราจะมาพยายามทำให้ x64 ใช้ Function นี้ได้**

วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2555

ดูแลกล้อง เบื้องต้น ตอนชื้น**

หลายคนอาจสงสัยว่าจะรู้ได้ยังไงว่าชื้นไป แห้งไป ถ้าไม่มี ไฮโดรมิเตอร์(เครื่องวัดความชื้นนั้นละ)

วันนี้ผมมีภาพตัวอย่างที่แสดงว่า กล้องท่านแอบชื้นแล้วนะ ถ้าไม่รีบทำให้หายชื้นอาจเป็นราได้(ขนาดนั้นเลยหรอ ท่าน *0*)
ตอบ: ครบถ้ากล้องท่านชื้นมากๆนานๆ เก็บใส่กระเป๋าแล้วบ้านท่าน เป็นบ้านทางใต้ของประเทศอากาศร้อนชื้นนิ แย่แน่ๆเลย ดังนั้นเราไปดูกันดีกว่าว่า ความชื้นมันมาได้อย่างไร

ที่มาของความชื้น
1. เอากล้องตากในห้องแอร์บ่อยๆ
2. เอากล้องไว้ในรถยนต์ ขับไปนานๆปิดแอร์เย็นๆ แล้วปิดแอร์จอดตากแดด หรือรถร้อน
3. เอากล้องไปถ่ายกลางสายฝน แบบนี้คงจะเปียกด้วย
4. เอากล้องไปถ่ายในช่วงทะเลหมอกตอนเช้าๆ อากาศชื้นๆเต็มไปด้วยหมอกที่สวยงาม
5. กล้องกันชื้นกลายเป็นกล้องสะสมความชื้น อ่านแล้ว งง ซินะ คือว่าซิลิก้าเจลมันหมดอายุนะซิคับ(วิธีดูเดียวเจอในภาคหน้า)
6. สุดท้ายเลยไปถ่ายน้ำตก ถ่ายน้ำตกให้สวยก็ต้องลงทุน แต่อาจได้ละอองน้ำมานิด
นี้เป็นภาพตัวอย่างของ viewfilder ที่มีแววว่าแอบชื้นแล้วนะ
ถ้าเห้นแบบนี้ ก็ให้ทำตามขั้นตอนที่ผมบอกเลย สู้ๆ
*** แต่ก็ไม่เสมอไปครับผม***

อาการที่บอกเหตุว่า ชื้นแล้ว
1. filder ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร
2. ยางจับแล้วเหนียวติดมือมากเกินไป แน่นอนถ้าแห้งไปก็จะจับไม่ติดมือเลย
3. ภาพที่ได้อาจดูฟุ้งๆ ถ้าฟุ้งมากๆ ก็ร้าแล้วคับ เข้าร้าน เข้าศูนย์กันไปเถอะแบบนั้น
4. ถ้าชื้นมากๆ อาจช๊อตแล้วเปิดไม่ติด ขนาดนั้นหรอ ครับ ยืนยันว่าจริง**





วิธีจัดการกับความชื้น
เจอปัญหาไปแล้ว ผมจะขอเสนอวิธีแก้ปัญหากล้องชื้น ตั้งแต่ถูกที่สุดไปจนถึงแพงที่สุด
1. เอากระเป๋ากล้องไปตากแดดบ้าง เพราะกระเป๋านั้นสะสมทุกอย่างที่เราเดินทางไปต่อสู้มา 555+
2. เอาซิลิก้าเจลไปตากแดดบ้าง เหมือนกัน ถ้าซิลิก้าเลจ ดูดความชื้นได้ในอุหภูมิปกติ(ไม่ร้อนเกินไป) ดังนั้นหากเราจะเอาซิลิก้าเจลกลับมาใช้ใหม่ก็ต้อง ตากแดด ให้มันร้อนและมันจะได้ระบาย
3. เอาซิลิก้าเจลเข้าไมโครเวฟ (ไม่ควรใช้ภาชนะเดียวกับอาหารนะครับ)
***2 และ 3 หลังจากทำเสร็จแล้วควรรอให้มันเย็นนิดหน่อยก่อน ไม่งั้นก็จะอยู่ในภาวะคลายความชื้นทำให้เกิดความชื้นได้ในภาชนะ
4. เก็บกล้องในกล่องถนอมอาหาร โดยใส่ซิลิก้าเจลด้วย
5. เก็บกล้องไว้ในตู้กันความชื้นแบบเฉพาะทาง (แพงกว่าแบบที่ 4 พอควร แต่ไม่ต้องคิดไรมากมาย**)
6. ถ้าทั้งหมดนี้แล้วดูไม่มีอาการที่จะดีขึ้นเลย แนะนำส่งร้าน
7. ถ้าร้านไม่รับก็เข้าศูนย์ไป รับรองหาย แต่จะเสียเงินเท่าไรนั้น ไม่บอก 5555

****ปัญหาของ viewfilder ละเอียดอ่อนมากๆ ปัจจัยที่ทำให้เกิดแสงพุ้งๆรอบๆจุด focus นั้น มีได้หลายสาเหตุ โปรดตรวจสอบให้ดีก่อนนะครับ

สำหรับวันนี้สวัสดีครับ

แคนนอนชวนส่งคลิปวีดีโอ ชิงกล้อง EOS1100D

แคนนอนขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยในช่วงภาวะน้ำท่วม
ด้วยกิจกรรมดีๆเพื่อสร้างรอยยิ้มให้กับคนที่เรารัก กับกิจกรรมการประกวดคลิปวิดีโอในคอนเซ็ปต์
“Remember me!”
ความยาวไม่เกิน 3 นาที
สร้างสรรค์ไอเดียพร้อมโชว์วิธีการสร้างความประทับใจใ ห้ติดอยู่ในความทรงจำของคนที่เรารัก
ลุ้นรับกล้อง EOS 1100D และของรางวัลมากมายจากแคนนอน
มูลค่ากว่า 60,000 บาท หมดเขตส่งคลิป 30 ธันวาคมนี้เท่านั้น!!!
ขยายเวลาถึง 31 มกราคมนี้แล้วนะครับ รีบๆกันหน่อย ^^

กติกาง่ายๆเพียงส่งคลิปวิดีโอความยาวไม่เกิน 3
นาทีโชว์ไอเดียพร้อมวิธีการให้เค้าหรือเธอคนนั้น

ได้ยิ้ม..หัวเราะ..ซาบซึ้ง..อิ่มเอม..มีความสุข..ประ ทับใจ..จนติดอยู่ในความทรงจำไปอีกนานแสนนาน....

ไม่ว่าเค้าคนนั้นจะเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน หรือคู่รัก

เราไม่ปิดกั้นรูปแบบและจินตนาการ ขอแค่สร้างความประทับใจในสไตล์ที่เป็นคุณ

ไอเดียใครเด็ด ไอเดียใครโดน รับรางวัลไปเลย!!
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://goto.canon.co.th/theremember/

ตามกระแสนิดCanon T4i or EOS 650D in 2012

Canon T4i or EOS 650D จะมาพร้อมกับ จอ Touchscreen และ wifi ปาด... จะได้จริงๆหรอ*

หลังจากที่ตามข่าวสารเรื่อง EOS ตัวใหม่อย่าง EOS650D มาเกือบ 2 เดือน วันนี้ผมได้อ่าน
http://canontweets.com/2011/10/canon-t4i-or-eos-650d-with-touchscreen-and-wifi-ready/
แสดงตัวอย่างของ จอ ในรุ่น 650D ดูเยอะดีเนอะ 555+
เห้ยมันจะได้แบบนี้จริงหรือเปล่านะ งานนี้หลายๆคนคงตั้งตาคอยว่า เดือน กพ. 2012 นี้จะได้อะไรที่ไม่ค่าดว่ามันจะมีใน SLR ของ Canon หรือไหม
จากที่ผมอ่านในหลายๆแหล่งข่าวขอสรุปง่ายๆว่าจะมีอะไรใหม่มั่งแล้วกัน

สิ่งที่จะมาใหม่ในรุ่น 650D
- เราจะได้จอทัส จิ้มๆได้ อิอิ และมันเป็นแบบ Capasitive ด้วย(ไม่ต้องใช้ปากกากด หรือออกแรงกด)
- ความละเอียดที่มากกว่าเดิม บางข่าวบอกว่า 24Mp บางข่าวว่า 18Mp
- APS-C sensor, DGIC5 ซึ่งมันก็ต้องเป็นแบบนั้นละ เพราะตอนนี้ มีหลายรุ่นแล้วที่ใช่ DIGIC5
- มี Proximity ซึ่ง 600D 60D และจอหมุดได้รุ่นแรกๆไม่มี ปาดผมอยากได้***
- และสุดท้าย มี GPS/Wifi ปาด รุ่นต่อไปต่อเน็ตได้เล่นเน็ตได้เลยไหม 555

ผมว่าหน้าตามันก็ดูคล้ายๆกับ 600D นะ แต่มี Proximity ด้วย
จริงๆแล้วมีอีกหลายรุ่นที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2012 เช่น 7D markII บางที่ก็บอกว่า 8D 70D บางที่ก็บอกว่าอาจเป็น 60D MarkII งั้นผมขอบอกว่า 65D แล้วกันฮาดี

สำหรับวันนี้สวัสดีครับ*-*

ก้าวแรกใครว่าไม่สำคัญ

ผมเองที่คนธรรมดาจนๆบ้านๆ หาเช้ากินค่ำ เลนส์และ อุปกรณ์พิเศษบางอย่างในบล๊อกอาจได้มาจากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ผมพอจะหยิบยืมได้ ก่อนอื่นเลยผมคิดว่าคนที่อ่าน blog นี้อาจมีไม่น้อยที่ยังไม่มีกล้องเป็นของตัวเอง งั้นผมขอเริ่มที่ ประเภทของกล้องก่อนแล้วกัน (D)SLR SLT(ไม่มีกระจกสะท้อน) และ Compact Camera ซึ่งมันก็แบ่งได้อีกมากมายในตัวของมันเอง เริ่มจากที่ราคาถูกที่สุด(จะเรียกแบบนี้ก็ไม่ผิด แต่ก็ไม่ถูกเท่าไรเหมือนกัน)  

ประเภทของกล้องถ่ายรูป

COMPACT CAMMERA
PowerShot เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ทำตลาดให้กับ Canon มายาวนาน
ด้วยความสามารถและ กำลัง Zoom ที่มาก ถึง 14 เท่า 5.0-70mm
- ราคากล้อง compact ในปัจจุบัน(2012) ผมคิดว่ามีให้เลือกมามากมายหลายระดับ ตั้งแต่ 2000 ไปจนถึง 20,000 บาท. เลยทีเดียว ความสามารถของกล้อง ที่เราเรียนกันว่า คอมแพคนั้น ก็มีมายมายแล้วแต่ผู้ผลิตเองบรรจงสร้างสรรค์ บางรุ่นสามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหว ความละเอียดสูงได้ ถึง FullHD กันเลยทีเดียว ซึ่งผมเองแอบคิดอยู่ช่วงหนึ่งว่าจะเอามาถ่ายหนังจะไปรอดไหม(หนังสำหรับส่งงาน ที่ ม และ ส่งประกวดแบบหวังนิดๆหน่อยๆ) พูดมาซะนาน ยังไม่เข้าเรื่องเลย กล้องประเภทนี้นั้นสามารถถ่ายให้สวยได้อย่างง่ายดาย และการใช้งานที่เป้นมิตรกว่ากล้องแพงๆอย่าง SLR หรืแ SLT ก็ตาม แล้วก็จะมีคำถามตามมาว่า ในเมื่อไม่ต้องเก่งก็ถ่ายได้แล้วทำไม มันถูกกว่า  ...
Sony Cyber-shot เป็นที่นิยมมากในหลายๆกลุ่ม ผมเห็นสาวๆชอบใช่กันซะเยอะ
G12 กล้องยอดนิยมของนักเล่นกล้อง ที่บางคนอาจมี SLR อยู่แล้ว
G12 มันพิเศษที่สามารถถ่าย RAW ได้ และ ISO ที่สูงกว่า compact ปกติ

เหตุผลที่ทำให้ Compact ถูกกว่า SLR เพราะว่า...
 - ขนาดของตัวเซ้นเซอร์เอง ที่เล็กกว่า SLR ในค่ายเดียวกัน (ขนาดเซ็นเซอร์มีผลกับหลายๆอย่างเดียวจะมาบอกอีกที -.-)
 - คุณภาพของวัสดุ และขีดจำกัดในการสร้างสรรค์
 - ไม่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้(คงพูดไม่เต็มปากแล้วซินะ เพราะตอนนี้มีแล้ว)
 - ถ่าย DOF ไม่ค่อยได้ดีเท่าไร ด้วย ขนาดของตัวเซ้นเซอร์เอง และปัจจัยอื่นๆไม่ว่าจะเป็นกำลัง zoom หรื่ออะไรก็ตาม

ข้อดีของ COMPACT
 - ขอดีของ กล้องประเภทนี้คือ ถ่ายได้แบบไม่ต้องกังวล เพราะมันถูกกว่า SLR นิหว่า
 - ดูแลรักษา ง่ายกว่า เพราะทุกๆอย่างรวมเป็นชิ้นเดียวกัน บางรุ่นอาจกันน้ำกันฝน กันกระแทกอีก**
 - ถ่ายมาโครได้ง่ายดาย เดียวจะเขียนให้อีกที ว่าทำไม
 - บางรุ่นถ่ายได้สนุก zoom ได้กระจาย ในราคาที่คุ้ม 28-300 ในราคา 12xxx รวมกล้องแล้วคุ้มไหมละ
 - ถ่ายง่ายกว่า SLR
 - เหมาะกับครอบครัวไปเที่ยววันหยุด สบายๆพกใส่กระเป๋าเสื้อได้ ^^

ข้อเสียของ COMPACT  บ้างT^T
 - ถ่าย DOF ไม่ค่อยดีเท่าไร ถ้าเป็นรุ่นแพงๆอาจมี f-number ให้มาเยอะ อาจพอถ่ายได้บ้าง
 - ความร้อนจากการทำงาน มากกว่าเมื่อเอาไปถ่าย video แข่งกับ SLR (ก็แน่นอนซิเล็กกว่าแถมยังบางซะขนาดนั้น)
 - คุณภาพไฟร์ภาพที่ได้อาจไม่เท่า SLR แต่ก็อัดรูปไวดูเล่นน หรือจะเอาไว้ใช้งานแบบกึ่งทางการก็ไม่เสียหาย
 - ความเร็วในการตอบสนองอาจช้ากว่า ในรุ่นที่ราคาถูกมากๆ


วันนี้ผมขอฝากบทความแรกไว้แค่นี้ก่อนแล้วกัน ขอบคุณที่อ่านจนจบ หรือเปล่า ^-^

วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2555

เหตุผลที่สร้าง Blog นี้ขึ้นมา

จริงๆก็อย่างที่ทราบกันดี ว่าเว็บสอนถ่ายรูปมีเยอะมากมายแล้วในทุกวันนี้ แต่ผมแค่อยากแบ่งปันความรู้ที่ได้ จากการถ่ายภาพและหลักการ process ง่ายๆผ่าน โปรแกรมยอดนิยม อย่าง Photoshop และ Photoshop lightroom ซึ่งหลายๆคนอาจบอกว่า ไม่ดี หรอกที่จะหวังเอาตอน procsess ผมเองเป็นคนหนึ่งที่หวังให้จบหลังกล่องในช่วงแรกๆที่ผมเล่นกล้อง แต่ เพื่อที่เราจะได้สร้างสรรค์งานได้มากกว่าเดิม ผมจึงหัดที่จะ process แบบต่างๆ เริ่มจากเลียนแบบง่านคนอื่นที่ผมชอบก่อน แล้วก็พยามที่จะสร้างเอกลักษณ์ให้ตัวเองต่อไป ซึ่งตอนนี้ผมเองคิดว่าผมยังทำไม่ได้ในจุดนั้น แต่ต่อไปไม่แน่ ถ้าผมไม่หยุดเดินซะก่อน